มุมหนึ่งของด้านมืดในสังคมออนไลน์

ยุคนี้ก็เป็นที่ทราบทั่วกันว่า สังคมเราเปลี่ยนไปมากจริงๆอันที่ผลกระทบมาจากการเข้าถึงของเทคโนโลยีสารสนเทศที่แทบจะซึมเข้าสู่กระแสเลือดของทุกคนที่มือว่าง (เพราะตอนนี้คอมพิวเตอร์ยังรับการสั่งการด้วยเสียงเป็นภาษาไทยไม่ได้ -_- )  บทความนี้จะไม่กล่าวถึง หรือสงสัยว่าทำไมคนเราถึงเสพย์ติดอินเตอร์เนตกันมากอย่างไร แต่จะกล่าวถึงในมุมมองของการถือว่าทุกอย่างในอินเตอร์เนตทั้งกระดานสนทนา(Webboard)  ห้องสนทนา(Chat Room)   สื่อเครือข่ายสังคม (Social Network Media) สามสิ่งนี้อยู่คู่กับสังคมไทยจริงๆก็เกิน 15 ปีแล้ว แต่ปมที่ส่งผลกระทบคือมันมีมานานแล้วก็จริงแต่ในช่วงแรกๆไม่ใช่ทุกคนที่่สามารถเข้าถึงได้ง่ายเหมือนทุกวันนี้ ซึ่งจริงๆแล้วพฤติกรรมการใช้ก็ไม่ต่างจากคนในสมัยนี้ เพราะนิสัย จิตใจ ความนึกคิดของผู้คนก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่จำนวนคนที่เข้าถึงสื่อได้มันน้อยกว่าทุกวันนี้มากเท่านั้นเองปัญหาที่มีจึงน้อยกว่าในปัจจุบันด้วย
     15 ปีต่อมาสิ่งที่เปลี่ยนไปคือสือพวกนี้ถูกเข้าถึงได้ง่ายขึ้นทำให้จำนวนผู้เข้าถึงได้ก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวตามพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีการเชื่อมต่อข้อมูลและโทรศัพท์มือถือ สิ่งที่เพิ่มขึ้นตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือปัญหาทางสังคมในสังคมออนไลน์ เหตุผลง่ายๆคือไม่ใช่ทุกคนที่จะที่ดำรงขีวิตอยู่บนสื่อร่วมกันนี้ได้อย่างสร้างสรรค์ จากตัวตนเบื่องลึกในจิตใจที่มักจะแสดงออกมาอย่างเต็มที่เมื่ออยู่หน้าจอที่ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครรู้ว่าท่านเป็นใครอยู่ที่ไหนทำให้มักจะสื่อสารในสิ่งที่อาจจะไม่รู้ตัวเลยว่าท่านจะไม่สื่อสารลักษณะนี้ยามที่อยู่ต่อหน้าผู้คนจริงๆเลย  นี่กำลังหมายถึงการเรียกร้องความสนใจ เรียกร้องการยอมรับ เรียกร้องความชื่นชมจากสังคมผ่านสื่อที่ว่านี้นั่นเอง แต่ยังไม่เป็นปัญหาทางสังคมเท่าใดนักเพราะมันดูเหมือนจะเป็นวงแคบๆในเชิงส่วนตัวของผู้เข้าถึงซะมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามถ้ามองว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปเลยก็ไม่ดีนัก เพราะถ้านิสัยคนเสียหรือหลงอะไรผิดเป็นจำนวนมากวันหนึ่งสังคมก็จะได้รับผลกระทบในวงกว้างอย่างแน่นอน
    แต่ปัญหาที่ตรึงเครียดจริงๆแล้วมันอยู่ที่ การพยายามเผยแพร่บางอย่างด้วยวัตถุประสงค์ที่มาจากสันดานดิบดั้งเดิมของมนุษย์ ในส่วนที่เกิดจากความเครียดแค้น ต้องการตอบโต้คืน ไม่ยอมเป็นผู้เสียหน้า  ไปจนถึงความสะใจส่วนตัวของการได้เห็นผลจากการเผยแพร่อะไรสักอย่างออกสื่อและส่งผลต่อผู้อื่น โดยที่มีผู้คนมาแสดงการสนับสนุนอีกด้วย เท่าที่เห็นได้บ่อยๆุทุกวันนี้ก็มี ภาพ ข้อความ หรือหนักหน่อยก็ถ่ายวิดีโอกันมาเลย แล้วส่งเผยแพร่ หรือแชร์ต่อๆกันในโซเชียลมีเดียเพื่อให้คนอื่นๆได้วิพากย์วิจารณ์บนพื้นฐานความคิดที่ว่า การเผยแพร่ของตนเองนี้เป็นการกระทำที่ถูกต้องและได้รับการยอมรับจากสังคมว่าตนเองเป็ฺนผู้บันทึกภาพและเผยแพร่เอง ในมุมมองของผู้เขียนบทความนี้มองว่านี่คือปัญหาที่เกิดจากผู้ที่เพิ่งจะเข้าสู่สังคมออนไลน์ใหม่ๆ ที่ยังมองการใช้สื่อเหล่านี้เพื่อความบันเทิงมากกว่าการอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ซึ่งย้อนกลับไป 15 ปีที่แล้วหลายๆคนที่เข้าถึงสื่อได้ก่อนในช่วงแรกๆก็ไม่ต่างกัน แต่ประสบการณ์ที่อยู่ในโลกออนไลน์ใบนี้มานานกว่าหลายๆคนในยุคนี้ทำให้ก็เคยผ่านจุดนั้นมาไม่น้อยเหมือนกันและรู้ว่าการกระทำแบบไหนดีหรือฉุดสังคมให้ดำดิ่งอยู่ด้านมืด
    ในมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนบทความนี้ มองว่าการแชร์ภาพ บทความ ภาพเคลื่อนไหวของบุคคลใดก็ตามไม่ว่าจะเนื่อเรื่องเนื่อความที่แชร์นั้นจะเป็นการกระทำที่ผิดธรรมเนียมหรือแม่แต่ผิดกฎหมายบ้านเมืองก็ตาม มองว่าคนที่แชร์โดยมีวัตถุประสงค์ลึกๆเพื่อต้องการประจารณ์คนอื่น ให้คนอื่นตกเป็นเหยื่อวิพากย์วิจารณ์นั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย ถ้าคุณพบเรื่องไม่ดี เรื่องที่เชื่อว่าไม่ได้ยุติธรรมต่อใครก็ตาม หรือเรื่องที่ผิดต่อกฎหมาย หน้าที่ของคุณคือเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด คุณอาจจะถ่ายคิลปไว้ถ้าสถานการณ์เอื้ออำนวย จากนั้นหน้าที่หลักของคุณคือไปแจ้งต่อคนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่การลงเผยแพร่เพียงเพื่อต้องการความยอมรับว่าคุณเก่งที่ถ่ายมาไว้ได้ หรือเพื่อความสะใจที่ได้ประจารณ์คน สังคมรุมด่าคนคลิปที่คุณลง มันไม่ได้ช่วยให้สังคมดีขึ้นเลยมีแต่นับวันจะป่าเถื่อนมากขึ้นด้วยซ้ำ ดังนั้นอยากให้ทุกท่านได้ตระหนักในการใช้สื่อให้มากครับ จริงๆแล้วการอยู่บนสื่อเป็นพื้นที่ที่อันตรายมาก นั่นคือเหตุผลที่ทำไมต้องมีเลขา หรือที่ปรึกษาคอยร่างสคริปต์ให้ผู้นำประเทศก่อนแถลงข่าว
















วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย
สถาบันในเครือ
เป็นสถาบันด้านการศึกษาและมูลนิธิ ศ.ดร.นพ.กระแส ชนะวงศ์ ก่อตั้งขึั้น สำหรับบริการด้านการเรียน ทั้งระดับประถม มัธยม และอุดมศึกษา รวมไปถึงศูนย์ฝึกอบรม ด้านการศึกษา มูลนิธิหมอกระแส ชนะวงศ์และสถาบันกระแสภิวัฒน์ เพื่อเป็นแหล่งเรียนแก่คนรุ่นหลัง