หลังจากที่ Blackberry ถูก Apple Samsung หรือแม้แต่ Nokia ตบสลบไปนานหลายเดือน ด้วยความเป็นรองด้านระบบปฏิบัติการที่ดูเหมือนผู้ใช้ทั้งโลกจะถูกใจในความพลิ้วไหวของ iOS กับ Android มากกว่า รวมถึงการมายึดพื้นที่คืนของ Windows Phone ที่จับมือกับ Nokia ทำให้ตลอดสองปีที่ผ่านมาแทบจะไม่มีช่องว่างให้กับ Blackberry ที่กำลังพยายามทำในสิ่งที่ Nokia เคยตัดใจตีจากระบบ Symbian ที่น่าภาคภูมิใจ ในยุคที่โทรศัพท์มือถือมิได้แข่งกันที่สมรรถนะด้านฮาร์ดแวร์หรือความละเอียดของกล้องอีกต่อไปแล้ว แต่หันมาแข่งกันที่การสนองความต้องการด้านความสะดวกสบายในการใช้งานด้านต่างๆ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ระบบปฏิบัติการที่บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์นั้นจะเลือกนำมาเติมเต็มประสิทธิภาพในสินค้าของตน ผลที่ตามมาคือยอดขายของ Samsung และ Apple ถล่มทลายในขณะที่ Nokia นั้นไหวตัวทันและตัดสินใจปรับเปลี่ยนระบบปฏิบัติได้ทันท่วงทีก่อนที่จะเสียส่วนแบ่งตลาดไปมากกว่านี้ แต่ทั้งหมดนี้ปราศจากเงาของ BlackBerry ผู้ที่เคยรุ่งเรืองสุดขีดในยุคที่ Social Media เข้ามากลืนกินชีวิตมนุษย์โลก(โดยเฉพาะประเทศไทย)
แต่ใครจะรู้ว่า BB ยังไม่ยอมตายและกลับมาเปิดตัว Smartphone ของตัวเองอีกครั้งในเดือนเมษายน 2013 ในซีรีย์ Z10 ซึ่งจากที่เห็นรูปร่างแล้วจะสังเกตได้ว่าเป็นแบบหน้าจอสัมผัสเต็มรูปแบบแล้ว แทนที่จะเป็นจอครึ่งบนและคีย์บอร์ดจริงครึ่งล่างอันเป็นเอกลักษณ์ของ BB ที่ออกแบบมาสำหรับคอ chat โดยเฉพาะในยุคที่ Social Media บนมือถือรุ่งเรือง ดูเหมือนว่าในช่วงนั้น BB จะมาแบบตรงความต้องการของชาวโลกแบบเต็มๆ แถมยังถูกช่วงเวลาพอดีอีกด้วย ภาพที่เกิดขึ้นคือวัยรุ่นบ้านเรามี BB ห้อยคอแจกพินกันสนั่นเมือง ยอดจำหน่ายเทน้ำเทท่าจนช่วงนั้น iPhone ก็หนาวอยู่เหมือนกันเพราะราคาของ BB ต่ำกว่าทุกรุ่นของ Apple ด้วย แต่คำถามก็เกิดขึ้นว่า แล้วเหตุใดยุค BB ครองเมืองจึงถึงการล่มสลายถูกลบออกจากแผนที่โลกไปนานทั้งๆที่ทุกคนก็ยังบ้าคลั่ง Social Media เช่นเดิมหรือเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำไป ทำไมผู้คนที่ใช้สิ่งเดิมๆทุกวันแต่พวกเขาเปลี่ยนอุปกรณ์จาก BB เป็นอย่างอื่นซะแล้ว คำตอบคือความยืดหยุ่นของระบบปฏิบัติการที่ BB มีความเป็นรองเจ้าอื่นอย่างชัดเจนในเรื่อง Application เสริม พร้อมกับการมาของ Application Chat ยอดนิยมอย่าง What app ที่ถูกจัดอยู่ใน Android และ iOS ต่อด้วยการมาซ้ำเติมแผลเก่าจาก LINE เข้าไปอีก ทำให้ความต้องการ Chat ยังได้รับการตอบสนองอยู่พร้อมๆกับลูกเล่นอย่างอื่นอีกมากมาย ในขณะที่ BB คงทำได้เพียง Chat กับ App มาตรฐานที่ติดมากับเครื่อง BB ด้วยกันเท่านั้น ประมาณว่า BB รู้ว่าคนเราชอบ chat กันมาก ก็เลยคิดว่าถ้าอยาก chat กันก็ต้องซื้อ BB ใช้เท่านั้นจึงจะส่ง Pin ให้กันเพื่อเปิด chat ได้ ดูเหมือนจะเป็นหลักการตลาดที่ดี แต่ไม่มีทางดีกว่าเจ้าอื่นที่เขาไม่ได้ปิดกั้นว่าต้อง chat ได้เฉพาะยี้ห้อตนเองเท่านั้น เพราะโทรศัพท์แต่ละยี้ห้อสื่อสารถึงการด้วยตัวกลางที่ดีอย่างระบบปฏิบัติการที่ตนมิได้พัฒนาขึ้นเอง แต่เลือกนำมาใช้ ผลที่ตามมาคือมันทำงานร่วมกันได้ในระดับ Global ได้เป็นอย่างดีโดยไม่เลือกรุ่นหรือยี้ห้อโทรศัพท์ใดใด ปล่อยให้ BB เข้าขั้นโคม่าไปกับการจำกัดวงการใช้งานเฉพาะกลุ่มที่นับวันจะเล็กลงเรื่อยๆ
การกลับมาครั้งนี้ของ BB ท่ามกลางสงครามอันดุเดือดนี้ BB ต้องชิงความได้เปรียบในฐานะที่มาทีหลังให้ได้ หลังจากมีเวลาซุ่มโจมตีอยู่นานมาก แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ BB ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการของตนเองเช่นเดิมอย่างกล้าหาญ โดยที่เราต้องไม่ลืมว่าในยุคที่ BB รุ่งเรืองสุดขีดนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะระบบของ BB นั้นมีประสิทธิภาพ แต่เป็นเพราะกระแสของ Social Media มันแรงขึ้นใหม่ๆพอดีโดยเฉพาะปัจจัยด้านการ chat ผ่านโทรศัพท์ ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ตัวกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว การมาของ BB นี้อาจไม่เรียกว่าการกลับมา แต่อาจถูกมองเป็นผู้แข่งขันรายใหม่ก็ได้ ซึ่งโอกาสคงไม่ง่ายนักถ้าสู้กันตรงๆ